Buzzer ชนิด passive ปุ่มกดโทนเสียง


อธิบายหลักการทำงานของ Buzzer

🔎 ประเภทของ Buzzer

Buzzer เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แปลงสัญญาณไฟฟ้า → พลังงานเสียง
แบ่งหลัก ๆ ได้ 2 แบบ

1. Active Buzzer (แอคทีฟบัซเซอร์)

  • มีวงจรออสซิลเลเตอร์ในตัว

  • เมื่อจ่ายไฟตรง (DC) จะส่งเสียงเองทันที (เช่น ต่อ +5V ก็ร้อง "ติ๊ด")

  • ควบคุมง่าย → แค่สั่ง ON/OFF

  • ใช้ในงาน แจ้งเตือน (Alarm, Timer)




2. Passive Buzzer (แพสซีฟบัซเซอร์)

  • ไม่มีวงจรออสซิลเลเตอร์ในตัว

  • ต้องป้อนสัญญาณ สลับความถี่ (PWM) จากไมโครคอนโทรลเลอร์ (เช่น Arduino)

  • ความถี่ที่ป้อนจะกำหนดโทนเสียง (สูง–ต่ำ) ได้

  • ใช้เล่นเป็น ดนตรี, เมโลดี้, โน้ตเพลง








⚙️ หลักการทำงาน

Buzzer ส่วนใหญ่ใช้ Piezoelectric Effect (ผลไพโซอิเล็กทริก) คือ

  • แผ่นผลึกไพโซ (Piezoelectric Crystal) จะ สั่น เมื่อได้รับแรงดันไฟฟ้าสลับ (AC)

  • การสั่นของแผ่นผลึกจะทำให้แผ่นไดอะแฟรมบาง ๆ ข้างใน สั่นตาม → เกิดเสียง

  • ความถี่การสั่น = ความถี่ของไฟฟ้าที่ป้อน


🔊 ตัวอย่าง

  • ถ้าใช้ Active BuzzerdigitalWrite(buzzer, HIGH); → มีเสียง

  • ถ้าใช้ Passive Buzzertone(buzzer, 440); → ได้เสียง ลา (A4 = 440Hz)

อินโฟกราฟิก: วงจรการสั่นของ Piezo (สำหรับสื่อการสอน)

อินโฟกราฟิก: วงจรการสั่นของ Piezo

คอนเซ็ปต์: อธิบายขั้นตอนการแปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นเสียงผ่านแผ่นไพโซ (Piezoelectric element) โดยเน้นภาพประกอบวงจรสัญญาณและการสั่นของไดอะแฟรม เหมาะสำหรับใช้สอนระดับมัธยม/ปวช.

ส่วนประกอบที่ควรแสดง (ไอคอน/ภาพ)

  • แหล่งสัญญาณ (Arduino / Generator)

  • สัญญาณสังเคราะห์ (รูปคลื่น Sine / Square)

  • ทรานซิสเตอร์/ไดรเวอร์ (ถ้าใช้กับ buzzer Passive ให้แสดง)

  • ตัวต้านทาน/ไดโอด (ถ้าจำเป็น)

  • Piezo element (แผ่นไพโซ) + Diaphragm (แผ่นกั้นเสียง)

  • กราฟความถี่ vs ความถี่การสั่น (Hz)

  • ลูกศรแสดงการสั่น (arrow motion)

  • เสียงที่ออก (wave icon) และระดับความดัง (dB)

เลย์เอาท์ที่แนะนำ (จัดเป็น 3 แถวแนวนอน)

  1. แถวบน: ชื่อเรื่อง + คำอธิบายสั้น ๆ (1-2 บรรทัด)

  2. แถวกลาง (ซ้าย→ขวา): ภาพวงจรไฟฟ้า (Arduino → driver → piezo)

    • ใต้ภาพวงจร ให้มีบล็อกอธิบายแต่ละพินแบบสั้น

  3. แถวล่าง (ซ้าย→ขวา): ภาพขยายของ Piezo (cutaway)

    • แสดงชั้น: ตัวนำไฟฟ้า → ผลึก Piezo → ไดอะแฟรม

    • ลูกศรแสดงการสั่นเมื่อมีแรงดันสลับ

คำอธิบายกราฟฟิก (ข้อความสั้นๆ สำหรับใส่ในกล่อง)

  • Signal in (สัญญาณเข้า): สัญญาณเป็น Pulse / PWM หรือ Sine ที่ความถี่ f (Hz)

  • Piezo response (การตอบสนอง): แผ่นผลึกจะเปลี่ยนรูปเมื่อมีความต่างศักย์ → ทำให้ไดอะแฟรมสั่น

  • Sound output (เสียงที่ได้): ความถี่ของเสียง ≈ ความถี่ของสัญญาณที่ป้อน

  • Amplitude vs Loudness: แอมพลิจูดของสัญญาณมีผลต่อความดังกว่า (dB)

  • Resonance: Piezo มีความถี่เรโซแนนซ์ที่ให้เสียงดังสุด (แนะนำให้นำเสนอค่าโดยประมาณของรุ่นทั่วไป เช่น 3–4 kHz)



ตัวอย่างวงจร (บล็อกโค้ดภาพ/ตัวอย่างสั้น)
Arduino D8 ---[10k resistor? optional]---> Base of NPN (BC337)
Collector ---> + of Piezo
Emitter ---> GND
Other end of Piezo ---> +5V
(use transistor when current needed)


หมายเหตุ: ถ้าใช้ passive piezo ขนาดเล็ก บางครั้งต่อได้ตรงกับขา Arduino (ผ่าน resistor) แต่ถ้าต้องการเสียงดังหรือใช้โหลดหนัก ควรใช้ทรานซิสเตอร์เป็นตัวขับ

โค้ดตัวอย่าง (ใส่ใต้ภาพวงจร เพื่อให้ทดลอง)

int buzzer = 8;
void setup(){ pinMode(buzzer, OUTPUT); }
void loop(){
tone(buzzer, 440); // A4
delay(500);
noTone(buzzer);
delay(200);
}

ข้อเสนอแนะด้านงานออกแบบ (สี/ฟอนต์/ไอคอน)

  • พาเลตต์สี: น้ำเงินเข้ม (หัวเรื่อง), ฟ้าอ่อน (พื้นหลังกล่อง), ส้ม (ไฮไลต์ลูกศรการสั่น)

  • ฟอนต์: Sans-serif อ่านง่าย (ขนาดหัวข้อ 36–48pt, ข้อความ 14–18pt)

  • ใช้กราฟคลื่นแบบ vector (ไม่เบลอเมื่อขยาย)

  • ใส่ตัวเลข Hz ใต้กราฟคลื่น: 250Hz, 440Hz, 1kHz, 3kHz เพื่อเปรียบเทียบ


จุดที่ควรเน้นเมื่อติวกับนักเรียน

  • ความแตกต่างระหว่าง Active/Passive Buzzer

  • Piezoelectric effect — แปลงไฟฟ้าเป็นการเปลี่ยนรูปทางกล

  • ทำไมต้องใช้ไดรเวอร์ (ทรานซิสเตอร์) กับ Piezo ขนาดใหญ่

  • ตัวอย่างทดลอง: เปลี่ยนความถี่ 200–4,000 Hz แล้วฟังความแตกต่าง



ไฟล์/ขนาดที่แนะนำสำหรับผลลัพธ์สุดท้าย

  • ขนาดภาพ: A3 (300 DPI) สำหรับพิมพ์โปสเตอร์

  • เวกเตอร์: SVG หรือ PDF เพื่อให้คมชัดเมื่อขยาย

  • ให้เตรียมชั้น (layers): วงจร / ข้อความ / ไอคอน / พื้นหลัง

 Passive Buzzer ต่างจาก Active Buzzer ตรงที่ Passive จะไม่สามารถส่งเสียงเองได้ ต้องป้อนสัญญาณ ความถี่ (tone) จาก Arduino ถึงจะได้ยินเสียง ดังนั้นเราสามารถควบคุม “โทนเสียง” (เช่น Do Re Mi) ด้วยการกำหนดความถี่ และใช้ปุ่มกด (Push button) เป็นตัวเลือกเสียงครับ

🛠️ อุปกรณ์

  • Arduino UNO (หรือบอร์ดที่ใช้ได้เหมือนกัน)

  • Passive Buzzer

  • ปุ่มกด (Push Button) อย่างน้อย 3 ปุ่ม

  • ตัวต้านทาน (Resistor) 10kΩ สำหรับ Pull-down

  • Jumper wire + Breadboard

🔗 การต่อวงจร (ตัวอย่าง)

  • Passive Buzzer → ขา D8 (PWM) + GND

  • ปุ่มกด 3 ปุ่ม → ขา D2, D3, D4

  • ใช้ Resistor 10kΩ ต่อจากปุ่มไป GND (Pull-down)



#define buzzer 8
#define button1 2
#define button2 3
#define button3 4

// ความถี่ของโทนเสียง (Hz)
#define NOTE_C 262 // Do
#define NOTE_D 294 // Re
#define NOTE_E 330 // Mi

void setup() {
  pinMode(buzzer, OUTPUT);
  pinMode(button1, INPUT_PULLUP);
  pinMode(button2, INPUT_PULLUP);
  pinMode(button3, INPUT_PULLUP);
}

void loop() {
  if (digitalRead(button1) == LOW) {   // กดปุ่ม 1
    tone(buzzer, NOTE_C);
  } 
  else if (digitalRead(button2) == LOW) { // กดปุ่ม 2
    tone(buzzer, NOTE_D);
  } 
  else if (digitalRead(button3) == LOW) { // กดปุ่ม 3
    tone(buzzer, NOTE_E);
  } 
  else {
    noTone(buzzer); // ไม่กดปุ่ม -> เงียบ
  }
}


✅ เมื่อกดปุ่มแต่ละอัน จะได้เสียง Do, Re, Mi ตามลำดับ
สามารถเพิ่มปุ่มให้ครบ 7 ปุ่ม (Do–Si) ได้เลย โดยใส่ความถี่ของโน้ตในแบบ note table

อธิบายหลักการทำงานของ Buzzer

โมดูลเสียง บัสเซอร์ หรือ แผ่นผลัก (แผ่นเพลเทียร์) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับ
 Arduino ที่ใช้สร้างเสียงหรือควบคุมอุณหภูมิ โดยบัสเซอร์มีทั้งแบบ Active ที่สร้างเสียงได้ทันที และ Passive
 ที่ต้องป้อนสัญญาณเสียงจากภายนอก ส่วนแผ่นผลัก (แผ่นเพลเทียร์) ใช้สำหรับสร้างความแตกต่างของอุณหภูมิโดยการจ่ายไฟ 
1. บัสเซอร์ (Buzzer)
Active Buzzer: เป็นโมดูลที่สร้างเสียงได้โดยตรง เพียงแค่จ่ายไฟเลี้ยงให้กับขา I/O ของบอร์ด Arduino 
ข้อดี: ใช้งานง่าย เพียงแค่ต่อขาควบคุมกับ Arduino และส่งสัญญาณ 1 หรือ 0 
ตัวอย่างการใช้งาน: สร้างเสียงเตือน, เสียงสัญญาณ 
Passive Buzzer: โมดูลนี้ทำงานโดยการรับสัญญาณเสียงจากภายนอก (เช่น การสร้างคลื่นความถี่) จากนั้นจึงจะเกิดเสียงขึ้น 
ข้อดี: สามารถกำหนดระดับเสียงและความถี่ที่ต้องการได้ 
ตัวอย่างการใช้งาน: สร้างเสียงดนตรี, การเล่นเพลงจากโค้ด 
2. แผ่นผลัก (แผ่นเพลเทียร์ / Peltier Plate) 
การทำงาน: เป็นอุปกรณ์สร้างความแตกต่างของอุณหภูมิ โดยการจ่ายไฟ 12V ให้กับแผ่น จะทำให้ด้านหนึ่งร้อนและอีกด้านหนึ่งเย็น
ตัวอย่างการใช้งาน: ใช้เป็นตัวทำความเย็นหรือความร้อนขนาดเล็กสำหรับโปรเจกต์ต่างๆ
  

Buzzers ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Piezo Buzzers นั้นทำงานอาศัย ผลไพโซอิเล็กทริก (Piezoelectric Effect) 
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่วัสดุบางชนิดสามารถเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และกลับกัน คือเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล 
วิธีการทำงานของ Piezo Buzzer
แผ่นไพโซอิเล็กทริก: จะมีแผ่นไพโซอิเล็กทริกบางๆ วางอยู่ระหว่างแผ่นโลหะสองแผ่น 
การจ่ายแรงดันไฟฟ้า: เมื่อจ่ายแรงดันไฟฟ้าเข้าไปยังแผ่นโลหะ แผ่นไพโซอิเล็กทริกจะเสียรูป (เปลี่ยนรูปร่าง) 
การสั่นสะเทือน: การเสียรูปนี้จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนทางกล 
การสร้างเสียง: การสั่นสะเทือนนี้จะทำให้แผ่นไดอะแฟรมที่อยู่รอบๆ สั่นตาม และสร้างคลื่นเสียงออกมา 
ประโยชน์ของ Piezo Buzzer: 
น้ำหนักเบาและประกอบง่าย: มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน ทำให้เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย
ราคาไม่แพง: เป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่าสำหรับงบประมาณต่างๆ
มีให้เลือกหลายขนาดและความถี่: สามารถปรับให้เข้ากับการใช้งานเฉพาะเจาะจงได้
กล่าวโดยสรุป Piezo Buzzer ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของวัสดุไพโซอิเล็กทริกในการเปลี่ยนไฟฟ้าเป็นการสั่น ซึ่งทำให้เกิดเสียงได้